อดอาหาร ตุลาคม 2021
สวัสดีทุกคน ผมหวังว่าคุณจะสบายดีและสามารถเข้าร่วมการอธิษฐานอดอาหารกับเรา ผมหวังว่าจะแสวงหาพระเจ้าและนมัสการร่วมกับคุรในอีก 3 วันข้างหน้า
ขณะที่เราได้เริ่มอดอาหาร ได้มีลางสังหรณ์ที่ครอบคลุมสิ่งที่เรามีเกี่ยวกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง, การรักษา, และการเตรียมผู้คนของเราสำหรับเส้นทางข้างหน้า—จากภาพของไคลฟ์ เบเกอร์ในเดือนสิงหาคม 2020 ที่เป็นภาพของคานเหล็กขึ้นสนิมถูกแทนที่ด้วยตัวค้ำยันสแตนเลสในรูปแบบของพระเยซูและคำพูดล่าสุดของเรเน่ที่เกี่ยวกับการเสนอตัวของเราต่อพระเจ้า ช่างตีเหล็กของพวกเรา
การอดอาหารในครั้งนี้มีความรู้สึกที่แตกต่างจากการอดอาหารในครั้งก่อน: รู้สึกหนักมากกว่า, สำคัญมากกว่า, และมีความเร่งด่วนกว่าเช่นกัน
สำหรับไม่กี่วันและม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ทีมผู้นำได้พยายามแสวงหาพระเจ้าในแง่ของสิ่งที่พระองค์ประสงค์ที่จะทำ และวิธีที่พระองค์ต้องการให้เราอดอาหารในครั้งนี้ และเมื่อคืนนี้เอง ผมได้มีความฝันทั้งหมด 3 ชุดด้วยกัน ซึ่งผมเชื่อว่ามาจากพระเจ้าและพระองค์ทรงตั้งใจจะบอกทิศทางสำหรับการอดอาหารแก่พวกเรา
ความฝันที่ 1
ในความฝันแรก พวกเราได้สร้างแผ่นดินขึ้นในดินแดนใหม่ เป็นเมืองชายทะเลที่มีชายฝั่งและแสงไฟของเมืองในเวลากลางคืน มีพื้นที่ชานเมืองที่มีบ้านเรือนสวยงามมากมาย พวกเรามาถึงฝั่งด้วยเรือไม้แบบโบราณ ราวกับเรือโจรสลัดจากภาพยนต์เรื่อง Pirates of the Caribbean
สิ่งที่เห็นได้ชัดในความฝันคือการที่เรามีพันธกิจและหน้าที่หลากหลายอย่างที่ต้องทำ (เช่นเดียวกับในวิดีโอเกมแบบเปิดกว้าง) ในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในเมืองและในเขตชานเมือง สิ่งสำคัญคือเราต้องทำความเข้าใจแผนที่ของเมือง ทั้งถนนและเส้นทางต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเดินทางในครั้งนี้เป็นอย่างดี และควรรู้ว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องไปเยี่ยมบ้านหลังไหนหรือใครบ้าง
หลังจากเริ่มเหยียบพื้นดินแล้ว ผมกลับไปที่เรือเพื่อใช้กล้องโทรทรรศ์เพื่อค้นหาภูมิทัศน์, เส้นทางและเป้าหมายของเรา ผมต้องประหลาดใจมากเมื่อออกมาจากเรือ เพราะอิสยาห์กับมีคาห์ลูกชายของผมได้สำรวจและค้นคว้าด้วยตนเองและมีความคิดที่ดีกว่าตัวผมเกี่ยวกับการจอดเรือบนบก พวกเขากำลังช่วยผมในการมองผ่านกล้องโทรทรรศน์และแม้กระทั่งเป็นผู้นำทางพวกเราเมื่อเราออกจากเรือ
ความฝันที่ 2
ในความฝันทีสอง กลุ่มของพวกเราอยู่ในที่สาธารณะที่เป็นสี่เหลี่ยม เป็นเหมือนศูนย์กลางของเมืองมีห้องอาหาร,ศูนย์การแพทย์และสถานที่ราชการ หรือเป็นตึกสำหรับธุรกิจ กลุ่มของเราบางส่วนได้นั่งรับประทานอาหารที่บริเวณห้องอาหารด้านนอก และมีหลายๆคนที่เดินวนไปรอบสถานที่สี่เหลี่ยมนี้ จนเมื่อมีงูเห่ามีพิษขนาดใหญ่(สีส้ม)ได้เข้ามาในสี่เหลี่ยมนี้และกระโดดขึ้นวนรอบคนให้เกิดความหวาดกลัว
ทุกคนวิ่งหนีจากงูด้วยความตื่นกลัว แต่โจ้เดินเข้ามาในสี่เหลี่ยมนั้นโดยไม่มีความกลัว เขารู้ได้ทันทีว่าจะจัดการกับงูเห่าที่ตอนนี้เป็นสีเขียวและสีน้ำตาลได้อย่างไร ทันใดนั้นงูเห่าก็ตามหลังโจ้ไป ซึ่งพวกเราก็กลัวเพราะว่าโจ้อุ้มโฮฟอยู่ในแขน งูก็พุ่งเข้าไปยังศรีษะโจ้ และโจ้ก็จับงูได้ แต่แทนที่จะจับได้ตรงศรีษะ แต่โจ้จับได้ตรงกลางลำตัวงู ทำให้งูนั้นสามารถที่จะเลี้ยวมากัดโจ้และโฮฟได้
แต่สิ่งที่โจ้ได้ทำนั้น ความจริงแล้วคือการที่ให้โฮฟได้เรียนรูัการจับงูด้วยตัวเอง โฮฟจับข้างหลังตรงหัวงูด้วยมือ อย่างไรก็ตาม การเป็นเด็กและไม่รู้จักกลัวอันตราย โฮฟได้ปล่อยงูไป และระหว่างที่วางงูเลื้อยลง งูก็ได้กัดแขนโฮฟ และโจ้ก็จับงูอีกครั้ง โจ้ทำร้ายงูและฆ่างู เมื่องูตายโจ้ได้ฉีกท้องงูเปิดแยกออกและได้เจอของเล่นชิ้นเล็กๆที่เป็นของโฮฟจากท้องของงู
ความฝันที่ 3
ในความฝันที่สาม ผมอยู่ที่ภูเขา มันเป็นภูเขาสูงและผมกำลังอยู่ในจุดกึ่งกลางค่อนมาข้างล่าง ผมมาจากที่ไหนสักแห่งและกลับบ้าน ซึ่งบังเอิญอยู่บนยอดเขา ผมได้ตัดสินใจว่าจะวิ่งเหยาะๆ ไปตามถนนบนภูเขา และมีรถวิ่งขึ้นไปบนภูเขาทางด้านขวามือของผม มันเป็นฉากภูเขาที่สวยงาม ผมรู้ว่ามันจะเป็นการวิ่งที่ยากและเป็นเนินเขา แต่ผมก็ตั้งตารอที่จะเพลิดเพลินไปกับความงามตามธรรมชาติของทิวทัศน์ขณะวิ่ง
ในขณะที่ผมกำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่นั้น แมทได้เข้ามาข้างหลังของผม ผมรู้สึกตื่นเต้นและคิดว่าพวกเราน่าจะวิ่งเหยาะๆขึ้นเขาไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามแมทอยู่ในสภาพที่ดีมากและวิ่งผ่านผมไป ดูเหมือนว่าเขาจะรีบร้อนและกระตือรือร้นที่จะแสดงความฟิตและความเร็วของเขา ผมรู้สึกเจ็บและผิดหวังเล็กน้อยที่ต้องวิ่งคนเดียวและรู้สึกว่าแมทพลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน รู้สึกเหมือนการไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง
สิ่งที่พระเจ้าต้องการสำหรับพวกเราคือ "การออกกำลังในชุมชน" และการเติบโต/ดีขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และการสามัคคีธรรม และการให้กำลังใจซึ่งกันและกันมีความสำคัญมากกว่าการไปถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็ว แต่นี่ยังไม่ใช่จุดจบของความฝัน
ขณะที่แมทกำลังก้าวไปข้างหน้าผมและไกลขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็ได้เห็นว่าโอปอล์กำลังรอเขาอยู่ข้างหน้าเพื่อวิ่งกับเขา ผมคิดว่าโอปอล์อยู่ข้างหลังเราในบริเวณที่เราจากมาเสียอีก แต่เข้าใจได้ว่าโอปอล์ไม่สามารถไปได้เร็วหรือไกลเท่าที่เขาทำ แมทจึงให้โอปอล์ขับรถขึ้นไปบนเขาเพื่อรอเขา ในที่สุดเขาก็สามารถตามทันและวิ่งไปกับเธอ สิ่งนี้ดูเหมือนจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยที่แมทได้คำนึงถึงข้อจำกัดของโอปอล์
ครอบครัวในพันธกิจ
ขณะที่ผมอธิษฐานในความฝันเหล่านี้ ผมเชื่อว่าพระเจ้าต้องการบอกเราเกี่ยวกับฤดูกาลที่จะมาถึง อย่างที่พวกคุณบางคนทราบ คำขวัญของ One Light Church คือ “เน้นพระกิตติคุณ เสริมพลังวิญญาณ ครอบครัวในพันธกิจ” ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เรามีประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับความหมายสำหรับพวกเราที่จะเป็น “ครอบครัวคริสตจักรฝ่ายวิญญาณของครอบครัวที่รับพันธกิจร่วมกัน” ในฤดูกาลหน้าที่จะมาถึงนี้
คุณสมบัติ บางอย่างที่อาจมีลักษณะดังนี้:
· พาลูกๆ ไปปฏิบัติพันธกิจ แม้กระทั่งปล่อยให้พวกเขานำทางเหมือนที่พระเจ้าประทานความเข้าใจทางวิญญาณแก่พวกเขา
· ให้ลูกๆ ของเราใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณและแสวงหาการนำทางจากพระเจ้าร่วมกับเรา ในการอธิษฐาน
· ไม่วิ่งหนีจากภยันตรายฝ่ายวิญญาณหรือสงครามด้วยความกลัว แต่เผชิญหน้าและเอาชนะศัตรู โดยพึงระลึกว่าพระเจ้าพระบิดาของเราทรงควบคุมอยู่าและจะไม่ยอมให้เราประสบอันตรายมากเกินกว่าที่เราจะรับมือได้
· สอนลูกๆ ของเราให้มีส่วนร่วมและเอาชนะซาตาน โดยรู้ว่าพวกเขาจะทำผิดพลาดบ้าง แต่ให้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงรักษาพวกเขาให้ปลอดภัย
· เพลิดเพลินกับการเดินทางของพันธกิจ เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตและการชำระให้บริสุทธิ์ และความเพลิดเพลินของเราในพระเจ้าและชุมชน มากกว่าที่จะไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว
. ไม่ปล่อยใครไว้ข้างหลัง โดยควรคำนึงถึงข้อจำกัดของทุกคนในชุมชนของเรา ให้ผู้นำอยู่ท้ายและอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการเดินไปอย่างช้า ๆได้เริ่มก้าวเดิน
ผมมีความกระตือรือร้นที่จะได้ยินจากพวกคุณว่าบางคนอาจจะมีสิ่งเพิ่มเติมในการตีความความฝันเหล่านี้และรับฟังจากพระเจ้าด้วยตัวคุณเอง
จากข้อมูลข้างต้นและในขณะที่เราถือมันอย่างหละหลวม นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้เรามีส่วนร่วมในการอธิษฐานเมื่อเราอดอาหาร:
วันที่ 1- การสำนึกบาป และ การเปิดเผย
ให้กลับมาหาพระเจ้าด้วยความถ่อมตัวและสำนึกบาปและแสวงหาพระประสงค์และแผนงานที่จะทำของพระเจ้า ฉันอยากให้เด็กๆของเราและคนหนุ่มทั้งหลายที่จะมีเวลาในการฝึกฝนการทำนายที่ได้ยินเสียงจากพระเจ้า
ผู้วินิจฉัย 20:26 แล้วบรรดาคนอิสราเอลคือกองทัพทั้งหมดได้ขึ้นไปที่พระนิเวศของพระเจ้าและร้องไห้คร่ำครวญ เขานั่งเฝ้าพระเยโฮวาห์ ณ ที่นั้น และอดอาหารจนเวลาเย็น ถวายเครื่องเผาบูชาต่อหน้าพระพักตร์พระเยโฮวา 27คนอิสราเอลจึงทูลถามพระเยโฮวาห์(เพราะในสมัยนั้น หีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ที่นั้น) 28และฟีเนหัสบุตรชายเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรชายอาโรน ก็ปรนนิบัติอยู่หน้าหับนั้นในสมัยนั้น เขาทูลถามว่า สมควรที่ข้าพระองค์จะยังยกไปสู้รบกับเบนยามินพี่น้องของข้าพระองค์อีกครั้ง หรือควรหยุดเสีย และพระเยโฮวาห์ตรัสว่า จงยกขึ้นไปเถิด เพราะว่าพรุ้งนี้เราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า